BIFW2019 - Day 3

มีทุกอย่าง ตั้งแต่แต่สากกะเบือยันเรือรบ นิยามที่ ดีไซเนอร์กล่าวถึงแบรนด์ ส.ก.บ. Warship by Prapakas โดยดึงเอาจุดเด่น และเอกลักษณ์ของแบรนด์ มาจัดเป็น SUP-PA-RANG-K SHOW ซึ่งคอลเลคชั่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากของสะสมงานศิลปะ ตลอดจนรูปแบบของศิลปะแขนงต่างๆ รวมไปถึงลวดลายเส้นสายของผลงานดังกล่าว เลือกใช้การเล่นสีที่สนุกสนาน สอดแทรกความหลากหลายที่ไม่ซ้ำใคร นับเป็นอีกมุมหนึ่งของตัวดีไซเนอร์ที่ต้องการนำเสนอสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนทั้งดูแปลกตาและไม่คุ้นชินเลย

ส.ก.บ. Warship by Prapakas ตั้งใจทำคอลเลคชั่นนี้ออกมาเพื่องาน BIFW 2019 โดยเฉพาะ เสื้อผ้าทุกชิ้นที่ถูกออกแบบนับเป็นงานมาสเตอร์พีชที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลกเท่านั้น เน้นโครงสร้างเสื้อที่ค่อนข้างดูสวมใส่สบาย ไม่ซับซ้อน และ เลือกใช้วัสดุรอบตัวที่มีจุดเด่นนำมาจัดวางได้อย่างแปลกตาเลือกแมตช์ด้วยสีสันและลวดลายให้ดูสนุกสนานอาจจะดูสะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกที่มองแต่เมื่อสวมใส่เสื้อผ้าแล้วสามารถเข้ากันได้อย่างลงตัว ซึ่งหยิบจับมามิกซ์แอนด์แมตช์จะทำให้ใส่ได้ง่ายยิ่งขึ้น

2. Absolute Siam (แอบโซลูท สยาม)
สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ ตอกย้ำความล้ำหน้าแห่งจินตนาการ และงานสร้างสรรค์ ไร้ขีดจำกัด ที่เชื่อมโยงกับศิลปะ แฟชั่น เทคโนโลยี และไลฟ์สไตล์อย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน  ภายใต้คอนเซปต์ “Absolute Siam” เติมเต็มกับประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูชีฟในแบบเฉพาะตัว ที่สยามเซ็นเตอร์ที่เดียวเท่านั้น ผ่านแฟชั่นคอลเลคชั่นล่าสุดของแบรนด์ iCONiC, SIX P.M., Wonder Anatomie

2.1 โชว์/แบรนด์ : NO CONNECTION / SIX P.M. (ซิกซ์ พี.เอ็ม.)
ดีไซเนอร์ : ชาญชัย สุวรรณฉายา
เกิดจากแนวคิดของคนสมัยใหม่ต้องการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนที่ชอบความครีเอทีฟและมีความคิดเป็นของตัวเองด้วยดีเทล และงานตัดเย็บที่แฝงไปด้วยอัตลักษณ์ของ SIX P.M. ที่อยู่ระหว่างความสมบูรณ์แบบผสมผสานกับความผิดเพี้ยน จนเกิดเป็นคอลเลคชั่นล่าสุด “NO CONNECTION” แปลกตาเลือกแมตช์ด้วยสีสันและลวดลายให้ดูสนุกสนานอาจจะดูสะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกที่มองแต่เมื่อสวมใส่เสื้อผ้าแล้วสามารถเข้ากันได้อย่างลงตัว ซึ่งหยิบจับมามิกซ์แอนด์แมตช์จะทำให้ใส่ได้ง่ายยิ่งขึ้น

SIX P.M. แบรนด์สตรีทแฟชั่น สัญชาติไทย สุดคูลนำเสนอคอลเลคชั่นที่เปรี้ยวติดกระแส แถมอารมณ์เสียดสีนิด ๆ รับลมร้อนและกระแสของโลกที่เทคโนโลยีได้ลุกล้ำเข้ามาในชีวิตประจำวันของเรา จนแทบจะกลืนกินวิถีแบบเดิม ๆ กับ
คอลเลคชั่นที่ชื่อว่า “NO CONNECTION” แปลความหมายได้ตรงตัวเลยคือ ไร้การเชื่อมต่อ โดยดีไซน์เนอร์ได้หยิบแนวคิดและไอเดียมาจากชีวิตประจำวันที่มองไปทางไหน ก็เจอแต่คนก้มหน้าดูมือถือขนาดในออฟฟิศเดียวกัน การจะลุกไปคุยกันบางทียังเปลี่ยนเป็นพิมพ์ส่งข้อความถึงกัน สังคมได้ถูกเทคโนโลยีกลืนกินจนเกิดคำถามว่า มากเกินไปหรือไม่ ? เราจะเริ่มหันกลับมา DISCONNECT เพื่อที่จะ CONNECT กับคนรอบข้างได้หรือยัง กับคำโดน ๆ ที่ถูกนำมาหยิบใช้ในคอลเลคชั่น
เช่น “stop typing start talking”

สำหรับคอลเลคชั่นนี้ได้ดึงสีสด ๆ ต้อนรับฤดูร้อน อาทิ สีเขียวสะท้อนแสง, สีน้ำเงินสด ที่สื่อถึงความเป็นดิจิตอลได้เป็นอย่างดี มาผสมกับสีเรียบ ๆ ทั้งสีขาว สีเทา และสีดำ เพื่อลดทอนให้คอลเลคชั่นดูกลมกล่อมยิ่งขึ้น เทคนิคต่าง ๆ ที่ได้หยิบนำมาใช้เป็นการดีไซน์ทรงเสื้อใหม่ที่เปลี่ยนจากโครงเสื้อแบบเดิม ๆ ส่งผลให้เสื้อผ้าดูครีเอทีฟยิ่งขึ้น และสามารถนำมาแมตช์กับลุคสบาย ๆ ในชีวิตประจำวันได้ไม่น่าเบื่อ โดยเทคนิคและการนำเสนอเสื้อผ้าในคอลเลคชั่นยังคงเอกลักษณ์เดิมของ SIX P.M. ที่ดูดื้อรั้นตามแบบฉบับของคนรุ่นใหม่ ที่มีความคิดเป็นของตัวเองกับแง่มุมของความผิดเพี้ยนที่แฝงอยู่ในความสมบูรณ์แบบ

2.2 โชว์/แบรนด์ : Twin Wonder Anatomie / Wonder Anatomie (วันเดอร์ อนาโตมี่)
ดีไซเนอร์ : เฉลิมเกียรติ คติเกษมเลิศ
แบรนด์แฟชั่นไทยสุดติสท์ที่กล้าคิดต่าง อย่างWonder Anatomie พร้อมแล้วที่จะเผยโฉมคอลเลคชั่นสปริงส์/ซัมเมอร์ 2019 ครั้งแรกในเวที BIFW 2019 ณ สยามพารากอน กับคอนเซ็ปต์  “Twin Wonder Anatomie” นำเสนอวิธีการสวมใส่เสื้อผ้าในรูปแบบและมุมมองใหม่ จากแนวคิดของแฝด “TWIN” ๆ ส่งผลให้เสื้อผ้าดูครีเอทีฟยิ่งขึ้น และสามารถนำมาแมตช์กับลุคสบาย ๆ ในชีวิตประจำวันได้ไม่น่าเบื่อ โดยเทคนิคและการนำเสนอเสื้อผ้าในคอลเลคชั่นยังคงเอกลักษณ์เดิม

Wonder Anatomie ผลงานแนวสตรีทสุดล้ำไม่เหมือนใครแน่นอนว่าคอลเลคชั่นนี้ตอกย้ำความเท่ด้วยโทนสีสะท้อนแสงผสมกับการออกแบบผ้าลายพิมพ์ที่ออกแบบพิเศษลายเสื้อฮาวายที่มีโครงเสื้อเป็นเสื้อสองตัวติดกันเป็นแฝด สามารถใส่ได้หลายรูปแบบที่เป็นการทำซ้ำที่มากกว่าหนึ่ง เพื่อให้เกิดฟังก์ชั่นและรูปทรงพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ในสไตล์ของ Wonder Anatomie ในชีวิตประจำวันได้ไม่น่าเบื่อ โดยเทคนิคและการนำเสนอเสื้อผ้าในคอลเลคชั่นยังคงเอกลักษณ์เดิม

เฉลิมเกียรติ คติเกษมเลิศ เริ่มต้นจากการทำเสื้อผ้าแนวสตรีทเมื่อปี ค.ศ. 2005 ภายใต้ชื่อ WonderWonder จนในที่สุดก็ได้เดินทางไปศึกษาเรื่องของแฟชั่นโดยเฉพาะที่ Institute Francais De La Mode หรือ IFM ที่ประเทศฝรั่งเศส  อีกทั้งได้ยังรับโอกาสในการฝึกงานที่ Maison Martin Margiela ซึ่งใน ค.ศ. 2009 ได้มีโอกาสกลับมาสร้างแบรนด์ของตนเองอีกครั้ง เพื่อต่อยอดแรงบันดาลใจจากการชอบพิพิธภัณฑ์อนาโตมี่ที่นั่น รวมถึงพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ จนเป็นที่มาของแบรนด์ Wonder Anatomie จนถึงทุกวันนี้

2.3 โชว์/แบรนด์ : IN THE MIDDLE OF NOWHERE / iCONiC (ไอคอนนิค)
ดีไซเนอร์ : สุเมธ เสียงเล็ก และ อัครวุฒิฎ์ พันธุมวานิช
Ultra-Feminine นิยามสาว ๆ แห่งไอคอนนิค พามาสู่คอลเลคชั่นสปริงส์/ซัมเมอร์ 2019 “IN THE MIDDLE OF NOWHERE” จากเรื่องราวของนักบินหญิงคนแรกของโลกที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการการบินสหรัฐอเมริกา Amelia Mary Earhart ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจครั้งใหม่ให้กับ iCONiC

ไอคอนนิคได้นำไอเดีย LOST & FOUND มาเป็นคอนเซ็ปต์หลักของคอลเลคชั่น  สะท้อนถึงความน่าหลงไหลของรายละเอียดในอดีตที่ได้เลือนหายไปจากวิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบัน เปรียบเหมือนการหายสาปสูญอย่างไร้ร่องรอยจากจอเรดาร์กับการบินรอบโลกเที่ยวสุดท้ายของ Amelia Mary Earhart เอง โดยแทรกรายละเอียดต่าง ๆ ผ่าน Must Have Items สุดเก๋ในคอลเลคชั่น ดึงความเป็นกลิ่นอายของลายพิมพ์แบบอเมริกันสไตล์ ที่ได้แรงบันดาลใจจากโปสเตอร์ย้อนยุคของอเมริกา จากแลนด์มาร์คสำคัญต่าง ๆ ในอเมริกาเป็นฉากหลัง หรือจะเป็นลายพิมพ์ของเล่นสังกะสีและหุ่นกระป๋อง ค.ศ. 1950 แสนน่ารัก ตลอดจนกระทั่งลวดลาย “California Oranges”  ผลส้มแคลิฟอร์เนียสุดโด่งดัง อันเป็นเมืองบ้านเกิดของ Amelia Mary Earhart ก็ได้ถูกวาดขึ้นในแบบฉบับของไอคอนนิค 

นอกจากนี้ยังใช้วัสดุสุดพิเศษ อาทิ Reflective Tape แถบเรืองแสงที่พบเห็นได้บนรันเวย์สนามบิน ก็ถูกนำมาทวิสต์ใหม่ สร้างความแปลกตาให้กับคอลเลคชั่น ประกอบเข้ากับโครงชุดต่าง ๆ อันได้แรงบันดาลใจจากเสื้อผ้าของนักบินหญิงและชุดทำงาน  ของอเมริกันเกิร์ลในยุคนั้น ที่ยังคงมีเสน่ห์ น่านำกลับมาสร้างความน่าสนใจให้กับคอลเลคชั่นในครั้งนี้อีกเช่นกัน   พร้อมเติมเต็มความหวานแสนโรแมนติก ด้วยชุดลูกไม้สุดหรูหราตามแบบฉบับของไอคอนนิค ที่ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งไหน ๆ ด้วยเทคนิคการพิมพ์กลิตเตอร์ประดับการปักคริสตัลสวยงาม ส่องแสงระยิบระยับดุจดวงดาวบนธงชาติของสหรัฐอเมริกาเพื่อให้ฤดูร้อนนี้  เป็นช่วงเวลาที่แสนพิเศษและน่าจดจำไปตราบนานเท่านาน ึ้นในแบบฉบับของไอคอนนิค 

ล่าสุด iCONiC ตอกย้ำความสามารถของดีไซเนอร์ไทยก้าวขึ้นสู่เวทีระดับสากลด้วยการนำผลงานคอลเลคชั่น “IN THE MIDDLE OF NOWHERE” ให้ร่วมแสดงแฟชั่นวีคอย่าง LAFW2019 ณ เมืองลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ผ่านมา

3. โชว์/แบรนด์ : Front Row / Milin Front Row (มิลิน ฟร้อนต์ โรว์)
ผู้ก่อตั้งและครีเอทีฟ ไดเร็คเตอร์ : มิลิน ยุวจรัสกุล
“FRONT ROW always has its own show.” ด้วยแรงบันดาลใจจากแฟชั่นนิสต้าของ Milin ที่พร้อมใจกันแต่งตัวจัดเต็มในทุก ๆ ครั้งที่มาชมแฟชั่นโชว์และไม่เคยหยุดเรียกร้องถามหาความ “เหนือกว่า” ให้กับชุดของพวกเธอ ครั้งนี้ มิลิน ยุวจรัสกุล ผู้ก่อตั้งและครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ของ Milin จึงสร้างไลน์เสื้อผ้าสุดพิเศษ “Front Row” สำหรับผู้หญิงที่ต้องการคำว่าที่สุดเพื่อให้เหมาะสมกับโอกาสพิเศษของพวกเธอ

Milin ต้องการฉีกกฏเกณฑ์แห่งการดีไซน์ โดยดึงเอาเอกลักษณ์ที่สำคัญความเซ็กซี่แบบมินิมอลของผู้หญิงมาใช้เป็นตัวเล่นสนุกและสร้างสีสันให้กับ คอลเลคชั่นนี้เลือกใช้ผ้าตาข่าย, ผ้าลูกไม้, ผ้าประดับเลื่อม กับผ้าโปร่งบางเบาและ ขนเฟอร์เพื่อสร้างเท็กซ์เจอร์ และ วอลลุ่มที่สะดุดตาเมื่อยามเคลื่อนไหว โดยเลือกโทนสีอย่าง Pastel, Bold, Neon และ Metallic เพื่อให้โดดเด่นสะดุดตามากยิ่งขึ้นอย่างที่หลายคนไม่เคยนึกถึงมาก่อน

“Modern wear for spontaneous life” คือจำกัดความล่าสุดที่ มิลิน ยุวจรัสกุล นำมาใช้อธิบาย เอกลักษณ์และตัวตนของสาว Milin แบรนด์เสื้อผ้าสตรีที่เธอและทีมดีไซน์ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปีค.ศ. 2009 ควบคู่ไปกับปรัชญาของแบรนด์ "Elegant, Sensual but Rebellious" ซึ่งเปรียบเสมือนแบรนด์ DNA ที่ได้ถูกบรรจงสร้างสรรค์นำมาใส่เอาไว้ในการดีไซน์ทุกชุดของมิลินได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยความตั้งใจอยากจะทำเสื้อผ้าให้กับผู้หญิงยุคใหม่ ที่ต้องการเสื้อผ้าที่สามารถตอบสนองต่อทุกไลฟ์สไตล์ ที่แปรเปลี่ยนไปตามอารมณ์และความต้องการในแต่ละวันและ ไม่ยึดติดกับรูปแบบเสื้อผ้าตายตัว ใช้ชีวิตตามความสนใจที่ปรับเปลี่ยนและก้าวไปข้างหน้าในรูปแบบของ Thinking Forward คือคิดไป ข้างหน้าก่อนใคร