|
|
Booking.com เผยเส้นทางแสนท้าทายของผู้เดินทาง LGBTQ+ ในปี 2566 และอนาคตอันสดใสของแวดวงการท่องเที่ยวสำหรับทุกคนBooking.com เผยเส้นทางแสนท้าทายของผู้เดินทาง LGBTQ+ ในปี 2566
และอนาคตอันสดใสของแวดวงการท่องเที่ยวสำหรับทุกคน แม้ปัจจุบันแวดวงการท่องเที่ยวจะเปิดกว้างมากขึ้น และเดินหน้านำเสนอประสบการณ์ที่หลากหลายให้แก่ผู้เดินทาง LGBTQ+ แต่ยังคงมีผู้เดินทาง LGBTQ+ อีกมากที่ต้องเผชิญอุปสรรคและข้อควรระวังมากมายระหว่างทริปของพวกเขา ด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการให้ทุกคนไม่ว่าจะรักใครหรือระบุตัวตนอย่างไรก็ตาม ได้ออกไปสัมผัสโลกกว้างอย่างราบรื่นและง่ายดายยิ่งขึ้น Booking.com จึงได้จัดทำแบบสำรวจประสบการณ์ด้านการเดินทางของ LGBTQ+ เพื่อเผยถึงความกังวลใจและความท้าทายที่ชาว LGBTQ+ ต้องเจอระหว่างการท่องเที่ยว และความสำคัญของการร่วมมือกันระหว่างพันธมิตรในแวดวงการเดินทางเพื่อสนับสนุนชุมชน LGBTQ+ และมอบบริการที่เป็นมิตร ซึ่งมีส่วนทำให้ความเชื่อมั่นของผู้เดินทาง LGBTQ+ จากทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทยมีเพิ่มมากขึ้น
อายาน เดคก์ รองประธานอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Booking.com กล่าวว่า “ที่ Booking.com เราเชื่อมั่นว่าทุกคนควรได้ออกไปสำรวจโลกกว้างในแบบที่เป็นตัวเองมากที่สุด และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาชุมชน LGBTQ+ ได้รับความสนใจ การยอมรับ รวมถึงได้รับความเข้าใจมากขึ้น เราจึงไม่ควรพลาดโอกาสของความก้าวหน้านี้ แวดวงการท่องเที่ยวควรมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้เกิดความเท่าเทียม โดยการพัฒนาและมอบประสบการณ์เดินทางอันเป็นมิตรเพื่อให้ทุกคนสามารถเป็นตัวเองได้อย่างเต็มภาคภูมิในทุก ๆ การออกเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจสถานที่ใหม่ ๆ ใกล้บ้าน หรือออกไปท่องโลกกว้างก็ตาม” อุปสรรคที่ LGBTQ+ ต้องเผชิญระหว่างการเดินทาง การถูกเลือกปฏิบัติยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ผู้เดินทาง LGBTQ+ ที่ต้องเผชิญระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว โดย 76% ของผู้เดินทาง LGBTQ+ ชาวไทยเปิดเผยว่า พวกเขาล้วนเคยถูกเลือกปฏิบัติระหว่างเดินทาง ซึ่งผลสำรวจได้เผยให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงแบบมีนัยสำคัญ ที่งานแข่งกีฬาและงานดนตรีระดับโลก รวมถึงการสนับสนุนผู้มีชื่อเสียงและองค์กรต่าง ๆ ที่มีส่วนร่วมในงาน มีผลต่อการตัดสินใจเลือกเข้าร่วมกิจกรรมในวันพักผ่อนของผู้เดินทาง LGBTQ+ จากการหยิบยกประเด็นกฎหมายและมุมมองเกี่ยวกับการเลือกปฎิบัติออกมานำเสนอต่อสาธารณชน นอกจากนี้ 30% ของผู้เดินทาง LGBTQ+ ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเคยเผชิญการถูกตัดสินหรือเหมารวม ขณะที่ 22% เคยโดนจ้องมอง หัวเราะเยาะ หรือทำร้ายจิตใจด้วยวาจาจากผู้เดินทางคนอื่น และ 21% ถูกกระทำแบบเดียวกันจากคนในท้องถิ่น ส่วนอีก 15% ระบุว่าเคยถูกผู้บังคับใช้กฎหมายในท้องถิ่นข่มขู่หรือคุกคามระหว่างเดินทางท่องเที่ยว ความก้าวหน้าที่เดิน ‘ถอยหลัง’ การเดิน ‘ถอยหลัง’ ที่ว่านี้หมายถึง การที่ผู้เดินทาง LGBTQ+ ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยส่วนบุคคลมากขึ้นเมื่อต้องวางแผนเดินทาง หรือแม้กระทั่งหลังจองการเดินทางเรียบร้อยแล้วก็ตาม พวกเขายังคงต้องระวังตัวอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มคนข้ามเพศ (Transgender) ซึ่งปัจจุบันมีถึง 64 ประเทศทั่วโลกที่กำหนดให้ความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันเป็นอาชญากรรม และ 11 ประเทศในจำนวนดังกล่าวกำหนดโทษประหารชีวิตสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันอีกด้วย จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้เดินทาง LGBTQ+ จะได้มีโอกาสไปเยือนจุดหมายปลายทางเหล่านี้แบบเปิดเผยตัวตน ถึงแม้มีการจัดอีเวนต์สำคัญระดับโลกขึ้นในเมืองนั้น ๆ ก็ตาม
สิ่งที่ผู้เดินทาง LGBTQ+ ต้องเผชิญ แม้การท่องเที่ยวยังคงเป็นประสบการณ์ที่ช่วยจุดประกายความรู้สึก เป็นอิสระและการแสดงออกถึงตัวตนอย่างเต็มที่ แต่ผู้เดินทาง LGBTQ+ จำนวนมากยังคงรู้สึกถึงข้อจำกัดในการนำเสนอตัวตนและแสดงออกถึงอัตลักษณ์ทางเพศของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้เดินทางที่เป็นกลุ่มคนข้ามเพศ พวกเขาต้องเจออุปสรรคที่ยากจะข้ามผ่าน ยกตัวอย่างเช่น พวกเขามักจะโดนตั้งคำถามเสมอ เมื่ออัตลักษณ์ทางเพศ ชื่อ และรูปลักษณ์ภายนอกไม่ตรงกับข้อมูลที่ระบุในหนังสือเดินทาง
เปลี่ยนความ ‘ระแวดระวัง’ ให้เป็นความ ‘มั่นใจ’ อย่างไรก็ตามตรงข้ามกับความรู้สึกกลัว ระแวดระวัง หรือไม่มั่นใจ 89% ของผู้เดินทาง LGBTQ+ ชาวไทย มองว่าการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน LGBTQ+ ทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้นในฐานะผู้เดินทาง (เพิ่มขึ้นจาก 83% ในปี 2565) สะท้อนให้เห็นว่าประสบการณ์การเดินทางที่น่าประทับใจจากบริการที่เป็นมิตรและพร้อมต้อนรับทุกคน ทำให้ผู้เดินทาง LGBTQ+ รู้สึกมั่นใจที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น
แวดวงการท่องเที่ยวกับสถานะ ‘พันธมิตร’ ของชาว LGBTQ+ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงทัศนคติและมุมมองของผู้คนทั่วไปที่มีต่อผู้เดินทาง LGBTQ+ โดย 85% ของผู้เดินทาง LGBTQ+ ชาวไทยรู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่อต้องออกทริป เมื่ออุตสาหกรรมการเดินทางมอบประสบการณ์ท่องเที่ยวที่เท่าเทียมเพิ่มมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวจึงควรทำหน้าที่เป็นพันธมิตรคนสำคัญให้กับผู้เดินทาง LGBTQ+ ผ่านการปรับใช้นโยบายที่ครอบคลุมคนทุกกลุ่ม พร้อมนำเสนอการบริการที่เป็นมิตรและพร้อมต้อนรับทุกคนไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครหรือระบุตัวตนอย่างไรก็ตาม โดยจากผลสำรวจของ Booking.com เผยให้เห็นถึงหลากหลายประเด็นสำคัญที่ผู้ให้บริการด้านการเดินทางต้องทำความเข้าใจ และปรับตัวเพื่อตอบสนองกับความต้องการของผู้เดินทาง LGBTQ+ ดังนี้
นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา โปรแกรม Travel Proud ของ Booking.com ได้จัดฝึกอบรมการให้บริการอย่างเท่าเทียมให้กับที่พักคู่ค้าของเราฟรี ซึ่งช่วยให้ความรู้และสร้างความเข้าใจแก่ผู้ให้บริการด้านการเดินทางเกี่ยวกับอุปสรรคในการเดินทางที่ผู้เดินทาง LGBTQ+ กำลังเผชิญ รวมถึงมอบทักษะและเทคนิคที่นำมาปฎิบัติตามได้ทันทีอย่างมีประสิทธิภาพในที่พักของตน เพื่อมอบการบริการที่เท่าเทียมและสะดวกสบายให้กับผู้เดินทาง ไม่ว่าพวกเขาจะมาจากที่ไหน จะรักใคร หรือระบุตัวตนว่าเป็นอย่างไรก็ตาม โดยปัจจุบันโปรแกรมฝึกอบรมนี้จัดทำเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาอิตาเลียน ภาษาฝรั่งเศส ภาษาสเปน ภาษาโปรตุเกสแบบบราซิลเลียน และภาษาเยอรมัน ซึ่งมีการฝึกอบรมในทุกภาษาข้างต้นอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งในปัจจุบันมีที่พักที่ได้ใบรับรอง Proud Certified แล้วกว่า 24,000 แห่งใน 7,030 เมืองจาก 118 ประเทศและดินแดนทั่วโลกแล้วบนแพลตฟอร์มของ Booking.com โดยที่พักคู่ค้าที่ผ่านการอบรมแล้วจะได้รับการรับรอง Proud Certified และได้รับป้ายสัญลักษณ์ Travel Proud บนหน้าข้อมูลที่พัก เพื่อแสดงให้ผู้เดินทางเห็นถึงความมุ่งมั่นของที่พักที่พร้อมมอบประสบการณ์เดินทางที่เป็นมิตร และต้อนรับผู้เดินทางทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม |
|