|
|
เจาะกลยุทธ์ธุรกิจแบรนด์เครื่องประดับสัญชาติไทยที่มาแรงที่สุดในขณะนี้ แบรนด์ “ระวิภา” (RAVIPA)![]() เจาะกลยุทธ์ธุรกิจแบรนด์เครื่องประดับสัญชาติไทยที่มาแรงที่สุดในขณะนี้ แบรนด์ “ระวิภา” (RAVIPA) เผยยอดขายโตต่อเนื่อง สวนกระแสเศรษฐกิจยุคโควิด-19 ขึ้นแท่นแบรนด์เครื่องประดับขายดีอันดับ 1 ในทุกแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ ![]() ธุรกิจอีคอมเมิร์ซนั้นถือว่าเป็นสมรภูมิการแข่งขันทางการค้าที่ดุเดือดในการสร้างยอดขาย อีกทั้งยังเป็น Megatrend ที่เหล่าผู้ค้าจากแบรนด์ต่างๆ ล้วนต้องการทำการตลาดเพื่อขึ้นเป็นผู้นำในช่องทางนี้ โดยข้อมูลจาก Priceza ได้ระบุว่าธุรกิจประเภทนี้เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซในปี 2020 มีมูลค่าโตสูงถึง 294,000 ล้านบาท โดยสินค้ากลุ่มแฟชั่นถูกจัดว่าขายดีเป็นอันดับสองในสัดส่วน 14.63% ซึ่ง “ระวิภา” (RAVIPA) นับเป็นแบรนด์เครื่องประดับสัญชาติไทยที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้เติบโตสูงขึ้นถึง 2,000% ซึ่งเป็นรายได้จากการขายในช่องทางอีคอมเมิร์ซทั้งสิ้น และจากข้อมูลของแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชื่อดังอย่าง Shopee และ Lazada ได้เผยว่า “ระวิภา” (RAVIPA) เป็นแบรนด์ขายดีอันดับหนึ่งในหมวดแฟชั่นจิวเวลรี่ของ Shopee และเป็นอันดับหนึ่งในหมวดไทยดีไซน์เนอร์ของ Lazada อีกทั้งยังได้รับรางวัล 6.6 LazMall Best Seller 2021 และล่าสุดที่ผ่านมาก็ยังได้รับรางวัล 9.9 LazMall Best Seller 2021 จาก Lazada ด้วยเช่นกัน
![]() ธนิสา วีระศักดิ์ศรี ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ “ระวิภา” (RAVIPA) กล่าวถึงแนวคิดหลักในการบริหารธุรกิจในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ว่า “ถ้ามองภาพรวมของตลาดเครื่องประดับของประเทศไทยในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเช่นนี้ หลายคนจะมองว่าเครื่องประดับเป็นของฟุ่มเฟือยที่ไม่อยากลงทุน ดังนั้นโจทย์ของเราคือต้องเปลี่ยนมายด์เซ็ตของผู้บริโภค จากของฟุ่มเฟือยให้กลายเป็นของจำเป็น และเป็นสิ่งที่ต้องใส่ติดตัว เราเลยตัดสินใจทำคอลเลกชั่นสร้อยข้อมือศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจให้กับทุกคน และยังคงไว้ซึ่งดีไซน์ที่สวยงาม สามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวันได้”
![]() สำหรับ “ระวิภา” (RAVIPA) เป็นแบรนด์เครื่องประดับที่ก่อตั้งมาแล้ว 8 ปี ภายใต้แนวคิดที่ว่า“เครื่องประดับดีไซน์สวยเหมาะสำหรับเป็นของขวัญแทนใจให้คุณ และคนพิเศษ ที่สามารถสวมใส่ได้ในทุกวัน” สร้างสรรค์โดยช่างฝีมือมากประสบการณ์ โดยการันตีคุณภาพจากรางวัลการออกแบบยอดเยี่ยมระดับประเทศ Design Excellence Award 2019 (DEmark Award) โดยใช้วัสดุเงินแท้ 92.5% ถักด้วยเชือกสั่งทำพิเศษที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ และพลอยแท้ คัดสรรจากทั่วทุกมุมโลก โดยมีคอลเลกชั่นสร้างชื่อคือ “ระวิภา รีมายเดอร์” (RAVIPA Reminder) สร้อยข้อมือเสริมความโชคดีในแต่ละด้าน ที่มาในรูปแบบของสร้อยข้อมือเชือก ประดับด้วยองค์เทพเจ้าที่มาพร้อมกับสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ อาทิ เจ้าแม่กวนอิม ช่วยเรื่องเมตตามหานิยม เจรจาเป็นเลิศ เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ผู้คนเอ็นดูรักใคร่ช่วยเหลือ, เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย ช่วยนำพาเงินทองไหลมาเทมา เจรจาค้าขายไหลลื่น, องค์พระพิฆเนศ มหาเทพแห่งปัญญา และความคิดสร้างสรรค์, องค์พระสีวลี เทพแห่งโชคลาภ, องค์พระตรีมูรติ เทพแห่งความรัก ที่ช่วยเรื่องความรักให้สุขสมหวัง มีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น เกิดความรักใคร่เอ็นดู และอีกมากมาย ที่ช่วยเสริมให้ชีวิตราบรื่น มีสิริมงคลทั้งด้านความรัก การงาน การเงิน การเรียน และความสำเร็จ
![]() โดยหลังจากเปิดตัวคอลเลกชั่น “ระวิภา รีมายเดอร์” (RAVIPA Reminder) หรือ สร้อยข้อมือศักดิ์สิทธิ์ ได้เพียงไม่นาน ก็ได้รับกระแสตอบรับอย่างท่วมท้นจากเหล่าคนดังทั่วทุกวงการที่เลือกสวมใส่สร้อยข้อมือศักดิ์สิทธิ์นี้ อาทิ แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์, เจนี่ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร, ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์, มิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง, โบว์-เมลดา สุศรี, หมอเจี๊ยบ-ลลนา ก้องธรนินทร์, กอล์ฟ - พิชญะ นิธิไพศาลกุล, ไมค์ - พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล และมินนี่ (G)I-DLE ซึ่ง “ระวิภา” (RAVIPA) ก็ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากอีกครั้ง เมื่อไอดอลชื่อดังระดับโลกอย่าง “ลิซ่า BLACKPINK” ได้สวมใส่เครื่องประดับจากคอลเลกชั่นดังกล่าว ซึ่งนับเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้แบรนด์ “ระวิภา” (RAVIPA) สามารถเข้าถึงผู้บริโภคที่ไม่ใช่เพียงในประเทศเท่านั้น แต่แบรนด์ได้กลายเป็นที่รู้จักในระดับโลกได้อย่างรวดเร็ว โดยจะเห็นได้ว่าการที่มี Influencer ผู้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคหันมาใช้ของจากทางแบรนด์นั้น สามารถสร้างยอดขาย และทำให้แบรนด์เติบโตได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับกลยุทธ์ของทางแบรนด์ที่มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงสถานการณ์โควิด-19
สำหรับกลยุทธ์ด้านการตลาดของ “ระวิภา” (RAVIPA) นั้นประกอบไปด้วย 5 แกนหลักด้วยกัน ได้แก่ Direct to Consumer มุ่งการขายสู่ออนไลน์เต็มรูปแบบ เมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากนโยบายล็อกดาวน์ของรัฐบาล ที่คนส่วนใหญ่หันมาใช้จ่ายผ่านทางออนไลน์อย่างเต็มรูป ด้าน “ระวิภา” (RAVIPA) ซึ่งแม้ที่ผ่านมาทางแบรนด์จะมีช่องทางการจำหน่ายในเฟสบุ๊ค, ไลน์ ออฟฟิเชียล, อินสตาแกรม และเว็บไซต์อยู่แล้ว ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะผู้บริโภคหันมานิยมซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์กันมากขึ้น ทางแบรนด์จึงมุ่งสู่ตลาดอีมาร์เก็ต เปิดการจำหน่ายทาง Shopee และ Lazada เพื่อหวังเข้าถึงผู้บริโภคอย่างเต็มรูปแบบ Sincerity ความจริงใจต่อลูกค้า สำหรับ “ระวิภา” (RAVIPA) ความจริงใจที่มีเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนแรกที่แบรนด์ออกแบบเครื่องประดับ โดยคำนึงถึงความถูกต้องในลักษณะตามหลักโหราศาสตร์ และฮวงจุ้ยในการออกแบบ รวมไปการใช้งานที่ต้องสามารถสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวันอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้คือคุณภาพของวัสดุที่เลือกใช้พลอยแท้ นำเข้าจากทั่วทุกมุมโลก Empathy ความเข้าใจลูกค้า พนักงานทุกคนจะต้องถูกเทรนด์ให้มองเห็นลูกค้าเหมือนเป็นคนในครอบครัว “ระวิภา” (RAVIPA) จะไม่เลือกขายของที่แพงที่สุดให้กับลูกค้า แต่จะแนะนำสิ่งที่ดีและเหมาะสมที่สุด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกคนอย่างแท้จริง ซึ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ทาง “ระวิภา” (RAVIPA) ต้องใช้ช่องทางออนไลน์ในการดูแลลูกค้า ทางแบรนด์ได้มีการทำ Video Call Shopping ในรูปแบบของ Visual ที่ลูกค้าสามารถมาสั่งซื้อสินค้า และพูดคุยกับพนักงานขายได้ เสมือนไปซื้อสินค้าจากหน้าร้าน รวมถึงการ Live และมีพนักงานคอยให้บริการตอบคำถามลูกค้าอยู่ตลอดเวลา Word of Mouth การตลาดที่ได้ผลดีที่สุด และใช้งบน้อยที่สุด โดย “ระวิภา” (RAVIPA) เผยว่า กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบสร้อยข้อมือ มักจะบอกต่อถึงผลลัพธ์หลังสวมใส่สร้อยข้อมือของแบรนด์ให้กับคนใกล้ตัว หรือคนรู้จัก จึงเกิด Word of Mouth ที่คนพูดถึงแบบปากต่อปากเอง และสามารถสร้างคอมมูนิตี้ให้กับแบรนด์ จนเกิดยอดการสั่งซื้ออย่างต่อเนื่องได้ การตลาดแบบ Omni Channel คือผสมผสานช่องทางการขายทั้งออนไลน์ (Online) และการขายหน้าร้าน (Offline) เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าอย่างไร้รอยต่อ เพราะ “ระวิภา” (RAVIPA) ได้เล็งเห็นว่ารูปแบบการตลาดดังกล่าว นั้นยังคงเหมาะสมกับสินค้าเครื่องประดับเป็นอย่างมาก เนื่องจากยังมีผู้บริโภคบางกลุ่มที่ยังนิยมการช้อปปิ้งแบบมาลองสวมใส่ หรือหยิบจับสินค้าของจริงที่ร้าน ก่อนตัดสินใจซื้อในภายหลัง สำหรับอนาคต “ระวิภา” (RAVIPA) ตั้งเป้าไว้ว่าในปีหน้าจะบุกตลาดต่างประเทศอย่างเต็มตัว เนื่องจากกระแสตอบรับที่ผ่านมาค่อนข้างดี มีชาวต่างชาติที่รู้จักแบรนด์เป็นจำนวนมาก การเปิดหน้าร้านที่ต่างประเทศจึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ใหม่ที่จะช่วยผลักดันให้ยอดขายเติบโตขึ้น และเปิดโอกาสให้ลูกค้าชาวต่างชาติได้เห็นเครื่องประดับของ “ระวิภา” (RAVIPA) เพราะสำหรับเครื่องประดับแล้ว การได้เห็นสินค้าจริง จะสามารถสัมผัสได้ถึงความปราณีตของชิ้นงานที่เกิดจากฝีมือของคนไทย พบกับเครื่องประดับ “ระวิภา” (RAVIPA) ได้แล้ววันนี้ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อาทิ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 3, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าว ชั้น G, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลชิดลม ชั้น 2 และศูนย์การค้าดิเอ็มโพเรียม ชั้น 1, ศูนย์การค้าแฟชั่นไอซ์แลนด์ ชั้น 1, RAVIPA Flagship Store สาขาสวนหลวงสแควร์ ซ.จุฬา 16 หรือติดตามผ่านช่องทางเว็บไซต์ www.ravipa.com, Facebook: @ravipaofficial, IG: @ravipajewelry, Line ID: @ravipajewelry, โทร. 090-919-9295 หรือทางแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ Lazada: Ravipa Jewelry และ Shopee: Ravipa Jewelry ![]() |
|