JustMakeWeb.com รับทำเว็บไซต์ รับทำเว็บโรงแรม รับทำเว็บขายของ รับทำเว็บบริษัท เว็บสำเร็จรูป รับทำเว็บร้านค้า ออกแบบเว็บไซต์ ใช้งานได้ง่าย รองรับ SEO โปรโมท GOOGLE ให้ติดอันดับได้อย่างรวดเร็ว , ลงโฆษณาฟรี VPS ราคาถูก
รับทำเว็บไซต์
0

“RSV” ไวรัสตัวร้าย ป้องกันได้ถ้าไม่อยากให้ลูกป่วย (Respiratory Syncytial Virus)


“RSV” ไวรัสตัวร้าย ป้องกันได้ถ้าไม่อยากให้ลูกป่วย (Respiratory Syncytial Virus)
สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ ลูกคือแก้วตาดวงใจ เมื่อลูกมีอาการไม่สบายแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้กังวลใจคิด ไปต่างๆ นานา แต่ถ้าเราทำความรู้จักและเข้าใจโรคให้มากขึ้น รู้อาการ รู้แนวทางป้องกันรักษาก็น่าจะทำให้คลาย ความกังวลลงได้
บทความตอนนี้ พญ.สิริรักษ์ กาญจนธีระพงค์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้และ ภูมิคุ้มกัน วิทยา โรงพยาบาลนวเวช จึงได้นำความรู้เกี่ยวกับการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจที่มัก เกิดกับเด็กเล็กมา ให้คุณพ่อคุณแม่ได้รู้จัก ซึ่งหลายคนก็อาจสับสนระหว่าง RSV ไข้หวัดใหญ่ และไข้หวัดธรรมดา คุณหมอก็เลยมี ข้อมูลมาให้เปรียบเทียบด้วยว่าแต่ละโรคมีความแตกต่างกันอย่างไร
RSV เชื้อไวรัสระบบทางเดินหายใจในเด็ก
เชื้อไวรัส RSV สามารถติดต่อกันผ่านสารคัดหลั่ง น้ำมูก น้ำลาย ผ่านการไอ จาม และสัมผัสกันโดยตรง
 
อาการ
  • อาการเริ่มแรกเหมือนไข้หวัดทั่วไป คือ มีไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล ซึ่งในรายที่มีอาการเล็กน้อยของทาง เดิน หายใจส่วนต้น สามารถหายได้เองภายใน 5-7 วัน
  • เด็กบางคนมีอาการมากกว่าไข้หวัด คือ อาการไปถึงทางเดินหายใจส่วนล่างจะมีอาการไอแบบมี เสมหะ ร่วมด้วย ไอมากจนอาเจียน อาจมีหายใจเร็ว แรง หายใจลำบาก หรือหายใจแบบมีเสียงวี๊ด (wheezing) ได้ ในรายที่มีอาการหนัก
การรักษา
  • การรักษาอาการทั่วไป ให้สารน้ำทางเส้นเลือดดำ ให้ออกซิเจน ล้างจมูก ไปจนถึงช่วยดูดระบาย เสมหะใน กรณีที่น้ำมูกหรือเสมหะอุดตันมาก
  • การรักษาแบบเฉพาะที่ พ่นยาขยายหลอดลม พ่นน้ำเกลือเข้มข้นชนิดพิเศษ เพื่อลดภาวะหลอดลม เกร็ง หายใจมีเสียงวี๊ด
  • การใช้ยา Montelukast มีส่วนช่วยในการลดความรุนแรงในช่วงแรกของการหายใจหอบเหนื่อยแบบมี เสียงวี๊ด และให้ใช้ยาต่อเนื่องเพื่อลดการกลับเป็นซ้ำของโรค
การป้องกัน
  • ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรค ดังนั้นจึงเน้นการป้องกันโดยการเพิ่มภูมิต้านทานธรรมชาติ โดยเลี้ยงลูก ด้วยนมแม่
  • หลีกเลี่ยงการพาเด็กไปในสถานที่แออัด
  • ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง และล้างมือบ่อยๆ
 
 
ไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดธรรมดา
ไข้หวัดใหญ่ต่างกับไข้หวัดธรรมดาอย่างไร? อาการระยะเริ่มคล้ายกันมากแต่ไข้หวัดใหญ่นั้นอาการ รุนแรง กว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยมีไข้สูง(39-40 องศาเซลเซียส) ปวดศีรษะ ไอมาก อ่อนเพลียอย่างรุนแรง ปวดเมื่อยตาม ร่างกาย ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ที่รุนแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ นอกจากนี้ไข้หวัด ใหญ่ยังติดต่อกันได้ง่ายมาก จากการหายใจเอาเชื้อที่กระจายอยู่ในละอองฝอยจากการไอ จาม หรือการอยู่ใกล้ชิด สัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนกับผู้ป่วย และนำเชื้อเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ
 
การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สำคัญอย่างไร
  • ป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและการเสียชีวิต สำหรับบุคคลกลุ่มเสี่ยง
  • ลดอัตราการลาป่วยและการเข้ารับรักษาตัวในโรงพยาบาล
  • ลดอัตราการขาดงาน ขาดโรงเรียน หรือรบกวนแผนการเดินทาง
  • ลดการเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ต่อสมาชิกในครอบครัว เพื่อน หรือผู้ร่วมงานต่างๆ
 
โรคระบบทางเดินหายใจที่มีอาการใกล้เคียงกัน
 
โรคระบบทางเดินหายใจ อาการ ระยะเวลาหาย
เชื้อไวรัสระบบทางเดิน
หายใจในเด็ก (RSV)
- มีไข้ไอจามน้ำมูกไหล
- ไอแบบมีเสมหะร่วมด้วย
- ไอมากจนอาเจียน
- อาจมีหายใจเร็ว แรง หายใจลำบาก
- หายใจแบบมีเสียงวี๊ด (wheezing)
ในรายที่มีอาการหนัก
มักหายได้เองภายใน 5-7วัน
ในเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 3 ปีที่มีการติดเชื้อเข้าสู่ทางเดินหายใจส่วนล่างอาจมีเสมหะได้ถึง 2 สัปดาห์
ไข้หวัดธรรมดา (Common cold) - มีไข้ไอจาม น้ำมูกไหล - มักหายได้เองภายใน 3-5 วัน
ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) - มีไข้สูง 39-40 องศาเซลเซียส
- มีไข้ไอจามน้ำมูกไหล
- ปวดศีรษะ ไอมาก อ่อนเพลียอย่าง รุนแรง ปวดเมื่อยตามร่างกาย
- มักหายได้เองภายใน 5-7 วัน
- จำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัส ในกลุ่มที่มีความเสี่ยง
 
 
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรค RSV หรือมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ เกี่ยวกับเด็ก สามารถขอรับคำปรึกษาจาก ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่ศูนย์สุขภาพเด็ก โรงพยาบาลนวเวช โทร. 0 2483 9999 www.navavej.com